การประเมินประสิทธิภาพการผลิตของสุกรมีหลากหลายรูปแบบ โดยปกติจะใช้ตัวชี้วัดหลากหลายตัวด้วยเช่นเดียวกัน แต่ที่นิยมใช้กันเป็นหลักสำหรับฟาร์มสุกร คือ Pig/Sow/Year (PSY) จำนวนลูกต่อแม่ต่อปี และ Non Productive Day (NPD) หรือวันที่แม่สุกรไม่ให้ผลผลิต เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการผลิตของแม่สุกร
NPD หรือวันที่แม่สุกรไม่ให้ผลผลิตเป็นตัวชี้วัดแบบลบ
นั่นหมายถึงต้องทำให้จำนวนวันดังกล่าวมีน้อยที่สุด ซึ่งในฟาร์มสุกรสามารถแบ่งตัวชี้วัดนี้ได้เป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงแรก ช่วงกลาง และ ช่วงปลาย
ช่วงแรก
หรือช่วงที่เริ่มนำแม่สาวเข้ามาในฟาร์ม เพื่อรอการเป็นสัดและเตรียมทำการผสมพันธุ์ในครั้งแรก บางฟาร์มอาจใช้เวลาในช่วงนี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์สำหรับเตรียมพร้อมสุกรสาว แต่ในบางฟาร์มอาจใช้ช่วงเวลานี้นาน 1-2 เดือน เพื่อปรับสภาพภูมิคุ้มกันโรคให้แม่สุกร แต่ระยะเวลาที่ยาวนานดังกล่าวตามมาด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ฟาร์มต้องเสียไป เช่นค่าอาหาร ค่าน้ำ และหากทำการผสมครั้งแรกแล้วไม่ติด ก็ยังนับว่าเป็นช่วงเวลากินเปล่าของสุกรอยู่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
ช่วงกลาง
หรือช่วงที่ลูกสุกรหย่านม แม่สุกรต้องรอการผสมติดครั้งใหม่ โดยปกติจะอยู่ระหว่าง 5-10 วัน แต่หากยังผสมครั้งใหม่ไม่ติด ก็จะต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสุกรเพิ่มไปอีก 21 วันหรือหนึ่งรอบการเป็นสัด
ช่วงปลาย
หรือช่วงที่ลูกสุกรหย่านมครั้งสุดท้าย หรือแม่สุกรให้ลูกเป็นท้องสุดท้ายแล้ว โดยปกติจะสิ้นสุดที่การท้องครั้งที่ 6 แม่สุกรจะถูกเลี้ยงต่อเพื่อขุนให้ได้น้ำหนัก หรือแม่สุกรท้องที่ 1 หรือ 2 ที่มีปัญหาขาเจ็บหรือเป็นโรคร้ายแรงก็จัดอยู่ในสุกรช่วงท้ายที่รอการคัดทิ้งได้เช่นกัน
ในการพิจารณาตัวชี้วัดนี้ เกษตรกรจะต้องจัดการลดจำนวนวันในช่วงเวลาต่างๆ ลงให้ได้มากที่สุดเพื่อลดต้นทุนที่ต้องเสียไปกับช่วงเวลากินเปล่าของสุกร โดยการจัดการเพื่อลดวันกินเปล่า สามารถทำได้ตั้งแต่ การจัดการสุกรสาว โดยให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการเป็นสัด ต้องมีคุณภาพการตรวจสัดที่ถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงจัดการโรคการทำการผสม การดูแลแม่สุกรหลังผสม ให้แม่อยู่ในที่ที่เย็นสบาย ไม่สร้างความเครียด เพื่อให้กลับสัดได้ดีและเกิดการผสมติดในครั้งถัดไป ดูแลการกินได้ของแม่ในเล้าคลอด และมีน้ำเชื้อที่มีคุณภาพเพื่อเตรียมการผสมที่ดี
#Sanimals #ซานิมอลส์
#หมู #สุกร #ลดวันกินเปล่า #NPD #NonProductiveDay