สถานการณ์ตอนนี้ในประเทศยูเครนกำลังประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ภาคปศุสัตว์ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากทั่วโลกเพื่อพักฟื้นตัวเมื่อสงครามสิ้นสุดลง
สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องการส่งออกของภาคการเกษตรที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในผลกระทบของการผลิตอาหารสัตว์ ก่อนสงครามภาคการเกษตรของยูเครน มี GDP มากถึง 17% และทำให้ประเทศมีรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่า 40% แต่นับตั้งแต่เริ่มมีสงครามเกิดขึ้น การส่งออกสินค้าทางการเกษตรชะลอตัวลงมาก จากที่รัสเซียทิ้งระเบิดท่าเรือสำคัญ หรืการขุดลอกฟาร์มและธุรกิจการเกษตรต่างๆ โดยชาวรัสเซีย
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้การส่งออกของยูเครนตอนนี้ลดลงมาอยู่ที่ 1.5-2 ล้านตัน/เดือนเท่านั้น จากก่อนหน้าที่ตัวเลขส่งออกมีอยู่ถึง 6-7 ล้านตัน/เดือน
การโดนทิ้งระเบิดทำลายฟาร์มสุกร 15 แห่งในยูเครน ก็เป็นอีก 1 เหตุการณ์ที่สร้างความสูญเสียต่อผลผลิตสุกรครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจากฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดมีสุกรถึง 32,000 ตัว จากข้อมูลของสภาพเกษตรในประเทศยูเครน การสูญเสียผลผลิตสุกรในเชิงพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 13-15% การผลิตเนื้อหมูต่อไปมีแนวโนมลดลงเหลือเพียง 365,000-380,000 ตัน แตกต่างจากปีก่อนหน้าที่มีการผลิตเนื้อหมู 432,000 ตัน
มีการคาดการณ์ว่าหลังสงครามสิ้นสุดลง อาจต้องใช้เวลา 1-2 ปี สถานการณ์ปศุสัตว์จึงจะกลับมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดสงคราม อย่างไรก็ตามยูเครนวางกลยุทธ์ที่จะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจในภาคปศุสัตว์ไว้แล้ว โดยเน้นไปที่การแปรรูปวัตถุดิบเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์นมต่างๆ รวมไปถึงการให้ความรู้แก่ผู้เชี่ยวชาญและส่งเสริมในคนหนุ่มสาวหันมาทำงานในภาคการเกษตรมากขึ้น และร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศจำนวนมาก เช่น FAO, USAID และรัฐบาลประเทศ Swiss เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ที่มีส่วนสนับสนุนการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม